Recent News (ข่าวใหม่ล่าสุด)

“พิ้งกี้” โต้เป็นมือที่3 ทำ “แบงค์” เลิก “เบลล์ เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ขอร้องเขียนข่าวตนดีๆ บ้าง

“พิ้งกี้” โต้เป็นมือที่3 ทำ “แบงค์ แบล็ควนิลา” เลิก “เบลล์ เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ตกใจมีข่าวควงดูหนังทั้งที่ไม่เคยไป เผยตอนนี้แบงค์กำลังเศร้า แต่อย่าดึงตนไปเกี่ยวด้วยเพราะเป็นแค่เพื่อน บอกมีข่าวแบบนี้จะมองหน้ากันยังไง ขอร้องเขียนข่าวตนดีๆ บ้าง

งานเข้าตลอดๆ จนป่านนี้นางเอก “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ก็ยังสลัดข่าวมือที่สามไม่หมดซะที เคลียร์ข่าวกับคู่โน้นก็มามีกับคู่นี้ ล่าสุดก็ต้องเซ็งอีกเพราะมีข่าวเป็นต้นเหตุทำให้หนุ่ม “แบงค์ อธิกิตติ์” วง “แบล็ควนิลา” เลิกกับแฟนสาว “เบลล์ เกิร์ลลี่เบอร์รี่” หลังได้เล่นละครเรื่องกากับหงส์ ทางช่อง8 เคเบิลอาร์เอส ด้วยกัน แถมยังมีคนเห็นทั้งคู่แอบควงกันไปดูหนัง ทั้งที่แบงค์กับเบลล์เพิ่งมีข่าวเลิกกันออกมา งานนี้พิ้งกี้ขอเคลียร์ว่า...

"เราไม่เข้าไปเกี่ยวค่ะ ตอนแรก กี้ก็ตกใจอยู่ เราไปดูหนังตอนไหน ข่าวกี้ไปดูหนังบ่อยไปไหมมีข่าวดูหนังตลอด อยากจะบอกคนเขียนคอลัมน์นี้ เขาเขียนถึงบ่อยมาก ช่วยไปดูหน่อยว่ากี้ไปถ่ายละครเรื่อง กากับหงส์ที่พาราไดซ์ พาร์ค เห็นกล้องรึเปล่า เห็นทีมงานไหม ถ้าเขาเขียนว่าเบลล์เลิกกับแบงค์ ควงพิงกี้ไปดูหนัง หลังจากถ่ายละครเรื่อง กากับหงส์มันก็ไม่น่าสนใจใช่ไหม แบงค์เลิกกับเบลล์ แล้วไปดูหนัง มันถึงน่าสนใจ เป็นข่าวได้ กี้ว่าอย่าเอากี้ไปเกี่ยวกับใครเลย”

“แบงค์คือเพื่อนกี้ เวลากี้เล่นละครกับใครก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ ไม่ได้มีเบอร์ด้วย แล้วตอนนั้นแบงค์ก็เศร้าอยู่ อย่าเอากี้ไปเกี่ยวเลย 2 คนนั้นเขาก็แย่แล้ว ให้กี้กับแบงค์ทำงานเป็นเพื่อนที่ดี เดี๋ยวต่อไปเล่นละครจะมองหน้ากันยังไง ข่าวมันก็ไม่ได้สร้างสรรค์เลย เป็นข่าวเท็จมาก ทีมงานที่ถ่ายละครอยู่ที่โรงหนัง ทุกคนก็รู้ว่าเราถ่ายละครกันครึ่งวัน ก็เมาท์มอย กันไป กี้อยู่คนเดียว ให้กี้อยู่ในทางสงบของกี้ดีกว่า"

“ตอนนี้กี้ไม่กล้ายุ่งกับใคร กี้ขออยู่คนเดียว แบงค์เขาก็ไม่ยุ่งกับใคร ต่างคนต่างทำงานไม่มีใครกล้าเข้าไปด้วย เขาอยู่ในช่วงเศร้าค่ะ ข่าวว่ากี้เป็นมือที่3ชักเยอะ แรกๆ ก็นอยด์ๆ นะ ก็เข้าใจว่าพี่เขาเขียนข่าวบางครั้ง เขียนบ่อยๆ มันไม่จริง ความนอยด์ก็กลายเป็นความเข้าใจโลก เข้าใจว่าเขาต้องการขายข่าว แต่บางครั้งมันก็เยอะไป เราก็เหนื่อย เขาทำงานกันค่ะ ไม่น่ามีอะไรแบบนี้ น่าจะเป็นแผนโปรโมทรึเปล่า กี้ไม่ทราบว่าพี่เขาเจตนายังไง แต่ก็เขียนกี้ในทางที่ดีบ้าง ไม่ใช่อย่างนี้ค่ะ ขอร้องค่ะ"

ส่วนที่ปีนี้ “พิ้งกี้” และ “ธัญญ่า” ได้เล่นละครในบทร้ายเหมือนกัน พิ้งกี้รับบท “ดีนี่” ในเรื่องมารยาริษยา ส่วนธัญญ่ารับบท “นพนภา” ในเรื่องแรงเงา ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าทั้งคู่จะมีชื่อเข้าชิงรางวัลในเวทีต่างๆ และก่อนหน้านี้ทางด้านของสาวธัญญ่าได้พูดหยิกแกมหยอกว่า หากได้ขึ้นร่วมรับรางวัลมีชื่อเข้าชิงเวทีเดียวกันกับพิ้งกี้แล้ว ตนกลัวว่าตอนนั้นวิญญาณของนพนภาที่เที่ยวตามตบคนที่มาแย่งสามีของตนเองจะ เข้าสิง กับประเด็นนี้พิ้งกี้ตอบกลับว่า...

"กี้ว่ามันยังมาไม่ถึง กี้ก็มองไปข้างหน้า ไม่ได้มองอดีต ไม่ได้มองสิ่งที่เลวร้ายแล้วกี้ก็ทำงาน มองไปจุดเดียวที่จะทำงาน สิ่งรอบข้างไม่ได้สนใจ กี้ไม่รับฟังค่ะ กี้ก็อยู่ของกี้อย่างนี้ ทำงานไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็พอใจ"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“พลอย” โต้นอกใจ “ต้าร์” ไปกิ๊ก “ไฮโซเดช” จวกเต้าข่าวตนฟ้องได้


“พลอย” โต้นอกใจ “ต้าร์” ไปกิ๊ก “ไฮโซเดช” ยันไม่มีตัวตน ขู่เป็นข่าวเต้าตนฟ้องได้ ก่อนพูดดักห้ามพาดหัวว่าตนเหวี่ยง พร้อมยิ้มใส่เป็นการยืนยันว่าไม่ได้วีน ปฏิเสธไม่พอใจถูก “อั้ม พัชราภา” ขโมยซีนคางานอีเวนต์
 แม้จะรักกันมาหลายปี และมีข่าวทะเลาะกันบ้างตามประสาคนรัก แต่จนถึงวันนี้ความรักของนางเอก “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” กับหนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” ก็ยังกันเหนียวแน่นปึ๊ก แต่ล่าสุด กลับมาข่าวออกมาเขย่าเสารักว่าสาวพลอยแอบไปกิ๊กไฮโซชื่อ “เดช” ข่าวร้อนขนาดนี้ไม่ได้คงไม่ได้ ซึ่งงานนี้ก็ทำเอานางเอกสาวออกอาการเซ็งก่อนเคลียร์ข่าวว่า...

“เฮ้อ (หัวเราะ) ก็อยู่เฉยๆ นี่คะ ไม่รู้จักแล้วก็ไม่มีตัวตน ก็เชื่อว่า เป็นการเต้าข่าวค่ะ แล้วข่าวแบบนี้เราสามารถฟ้องร้องกลับได้ค่ะ ก็ไม่มีอะไร ก็ชิลล์ๆ ยิ้มด้วย แล้วก็อย่าพาดหัวข่าวด้วยนะคะว่าพลอยวีน เพราะว่าข่าวที่ไม่เป็นจริงก็สามารถฟ้องร้องกลับได้ค่ะ”

“แต่ไม่ได้บอกจะฟ้อง พลอยแค่บอกว่าการเต้าข่าว ตามกฎหมายการเต้าข่าวที่ทำให้เราเสียหาย เราสามารถฟ้องร้องกลับได้ ถ้าไม่เป็นจริงพลอยว่าก็อย่าถามให้เป็นเรื่องดีกว่าค่ะ เพราะว่าปีนี้พลอยเจอเรื่องหนักๆ มาทั้งปีแล้ว ก็อย่าเพิ่มเรื่องให้พลอยเลยดีกว่า ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากที่เป็นห่วงค่ะ”

“เรื่องนี้พลอยยังไม่มีผลกระทบอะไรเลยค่ะ เฉยๆ ชิลล์ๆ ต่อไปก็ตอบเท่าที่จำเป็น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ตอบดีกว่าค่ะ เพราะว่าถึงพลอยจะตอบยังไงก็ตาม ก็เขียนว่าพลอยดูไม่ดีอยู่ดี ว่าเราเป็นผู้ร้ายอยู่ดี ก็คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องตอบมั้งคะ ไม่ได้น้อยใจ (หัวเราะ) ยิ้มด้วยเนี่ย อย่าเขียนว่าวีนนะคะ”

ส่วนข่าวเมาท์ที่เล็ดลอดออกมาจากงานอีเวนต์หนึ่งว่า “พลอย” เคืองที่โดน “อั้ม พัชราภา” ขโมยซีนเพราะชุดอั้มเด่นกว่านั้น กับเรื่องนี้พลอยตอกกลับว่า

“ใครเขียนเรื่องนี้เหรอคะ พลอยว่าอย่ามาโยนเรื่องนี้ให้กับพลอยเลยค่ะ เพราะพลอยไม่เกี่ยวค่ะ ทำไมต้องเป็นพลอยล่ะคะ มีดาราตั้ง 10 กว่าคน ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง แต่ไม่ใช่พลอยค่ะ พลอยว่ามีนักแสดงตั้ง 13 คน ทำไมต้องเป็นพลอยด้วยล่ะคะ เปลี่ยนคำถามไหมคะ อย่าโยนไม่ดีให้พลอยเลยค่ะขอบคุณมาก”

ประกาศเว้นวรรคไม่รับเล่นละครแนวพีเรียดอีกสัก 7 ปี เพราะเหนื่อยมาก

“ตอนนี้ถ่ายทำละครเรื่องบ่วงบาปอยู่ทางช่องสาม ตอนนี้ได้เลื่อนออกอากาศเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ตอนแรกก็จะเป็นหลังกี่เพ้า แต่ตอนนี้ก็ถ่ายทำกันอยู่ค่ะ ก็เหนื่อย เป็นละครพีเรียดมันก็ไม่ง่ายค่ะ บทมันก็ยากด้วย คือตอนหลังๆ พลอยก็มีเกือบทุกซีนเลย แล้วมันก็เป็นบทยากๆ พลอยก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป แต่ยังไงกำหนดการต้องปิดมกราคมก่อนแน่นอนค่ะ ยังไงพลอยก็ต้องถ่ายภาพยนตร์ ละครเรื่องใหม่แล้ว”

“เข็ดกับละครพีเรียดแน่นอนค่ะ ที่สุดค่ะ (หัวเราะ) นี่เรื่องสุดท้ายแล้ว ก็ไม่ไหวแล้ว เพราะสองปีนี้ถ่ายพีเรียดตลอด แล้วพฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ต้องออกต่างจังหวัดมาสองปีแล้ว ก็คิดว่าคงพอแล้ว ต่อให้ใส่สไบสวยย้อนยุคอลังการงานช้างขนาดไหนก็ไม่เอาแล้ว เพราะว่าไม่ไหวจริงๆพลอยผอมลงเยอะมาก แล้วก็โทรม มันเดินทางหนัก ทำงานก็หนัก ก็คงขอลา (หัวเราะ) 6-7 ปี คงไม่มีใครจ้างพลอยแล้ว ทั้งชั่วฟ้าดินสลาย อุโมงค์ผาเมือง ละครฟอร์มยักษ์ขุนศึก บ่วงบาปอีก พลอยว่ามันเยอะ คงน่าจะพอแล้ว น่าจะเปลี่ยนแนวได้แล้ว”

พร้อมเผยถึงอาการป่วยของย่าและยาย หลังทั้งสองท่านป่วยเข้าโรงพยาบาลพร้อมกัน

“คุณย่าออกจากไอ.ซี.ยู.แล้วค่ะ ก็พ้นวิกฤตแล้ว ก็รอหมดอายุขัยอย่างเดียว เพราะคุณย่าก็ 91 ส่วนคุณยายก็เพิ่งเข้าโรงพยาบาล คือเขาแก่ แล้วก็อ้วนด้วย ก็จะมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ จะหยุดหายใจในช่วงเวลานอน แล้วเขาก็อ่อนแอ ก็ไม่ดีทั้งคุณยายและคุณย่า”

“ตอนนี้เวลาพลอยทำงานเสร็จก็ไปเยี่ยมคุณย่า คุณย่ากำลังใจดีมาก เพราะคุณหมอบอกว่าอยู่ไม่เกินสองวัน เราก็ร้องไห้ คือ เราต้องถ่ายละคร เราก็ตีรถจากสุพรรณฯไปเยี่ยม พอเขากำลังใจดีขึ้นเหมือนเขาก็อยากอยู่ต่อ คือความจริงเขาก็ไม่ไหวแล้วเพราะกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานไป 40% ตอนนี้ก็รอเวลาอย่างเดียว เสร็จแล้วคุณยายก็เขาโรงพยาบาลต่อเพราะคุณยายก็ไม่แข็งแรง เราก็ต้องทำใจ พลอยเหนื่อยค่ะ ถึงบอกว่าอย่าหาเรื่องให้พลอยเยอะ”

“กำลังใจก็ได้จากตัวเองค่ะ ตัวเองเป็นที่พึ่งของตัวเอง ก็ต้องทำใจอยู่ให้กำลังใจเขาให้มากที่สุดเพราะถ่ายละครเราก็ไม่ค่อยมีเวลา อยู่กับญาติผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ พี่ต้าร์เขาก็เหมือนเห็นใจ เราทำงานหนักด้วย ตอนหลังพลอยเหมือนสภาวะความเครียดสูง เขาก็สบายๆ นะพลอยไม่ต้องคิดมาก พลอยเข้าใจแต่เราก็รักของเรา เราก็อยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก เราก็ค่อนข้างที่จะทำใจไม่ได้”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“ตั๊ก มยุรา” เผยออกจาก “เวิร์คพอยท์” ชีวิตแฮปปี้มาก โผซบ JSL แล้ว

“ตั๊ก มยุรา” ฟุ้งออกจากเวิร์คพอยท์ ชีวิตแฮปปี้มาก มีงานติดต่อมาเพียบ ประเดิมเป็นพิธีกรให้ JSL แจงไม่ได้มาแทน “นุ่น ศิรพันธ์” แต่มาเสริมทัพ โต้โดนบีบออกจาก “ชิงร้อยฯ” เพราะค่าตัวแพง ย้ำไม่มีปัญหา “เสี่ยตา” บอกถ้าเจอสามารถทักทายได้ แต่คงไม่เดินเข้าไปหาก่อน เพราะไม่ใช่นิสัย
หลังจากประกาศลาออกจากพิธีกรรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” แบบฟ้าผ่า เพราะน้อยใจที่ไม่มีบทบาท ล่าสุด พิธีกรรุ่นเก๋า “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” ได้มาปรากฏตัวในงานแถลงข่าวผังรายการโมเดิร์นไนน์ทีวี ในฐานะพิธีกรรายการ “พราว” ซึ่งเป็นรายการที่ผลิตโดยบริษัท เจเอสแอล โดยเจ้าตัวเผยว่า แม้จะทำงานในวงการมาร่วม 30 ปี แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับบริษัทดังกล่าว

“หลังจากที่ตั๊กเลิกทำรายการกับทางเวิร์คพอยท์ ก็มีคนตามเราเยอะมากๆ แต่ตั๊กก็ต้องเลือก ก็มีละครติดต่อมา รอให้อ่านบทเยอะมาก ตั้งอยู่ที่บ้านเต็มไปหมดเลย ที่รับแล้วคือละครของ แอน ทองประสม ถ้าเป็นรายการแนวทอล์กโชว์ก็ทำให้กับเจเอสแอล โดยประเดิมกับรายการพราว”

“ถ้าเป็นรายการสุขภาพ หรือเกี่ยวกับผู้หญิงน่ารักๆ ก็อาจจะเป็นอีกที่หนึ่ง ส่วนรายการเพลงก็เป็นของทางแกรมมี่ค่ะ กับเจเอสแอลเราไม่ได้เซ็นสัญญาอะไร ทางผู้ใหญ่เจเอสแอลก็เห็นว่าเราโตๆ แล้ว ก็คุยกัน ตรงไหนที่ตั๊กสามารถไปทำประโยชน์ให้กับใครได้ เราก็ไปทำค่ะ ตั้งแต่ตั๊กทำงานในวงการบันเทิงมา 30 กว่าปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับทางเจเอสแอล ที่ผ่านมาก็เคยไปร่วมในรายการมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้ร่วมกับทางเจเอสแอลในเรื่องหน้าที่การงาน”

“ตอนนี้ก็ได้ร่วมงานในหน้าที่การงานกับรายการ พราว ที่เขาปรับโฉมใหม่ และมีการเพิ่มพิธีกร และพิธีกรคนเดิม คือ นุ่น (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ก็ยังอยู่ค่ะ ตั๊กอยู่ในช่วงของการทอล์ก ตอนนี้เรายังไม่ได้บันทึกเทป แต่เท่าที่คุยกัน ผู้ใหญ่อยากให้เป็นรายการที่สนุก เป็นเรื่องที่ผู้หญิงคุยและเมาท์กัน เป็นเรื่องที่แตะดินสามารถแตะต้องได้ ไม่ใช่สูงเกินไปจนคนเอื้อมจับไม่ถึง”

ยันไม่มีปัญหากับ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” บอกถ้าเจอสามารถทักทายได้ แต่ตนคงไม่เดินเข้าไปหาก่อนเพราะไม่ใช่นิสัย

“ถ้าเจอกันก็สวัสดีกันค่ะ ตั๊กอยู่ตรงไหน ตั๊กเชื่อในความรู้สึกของตัวเองว่าเราได้เลือกแล้ว เราถึงอยู่กับเขา เราอยู่กับเขามาตั้ง20กว่าปี แสดงว่าเขาก็ต้องดี ตั๊กได้วิธีการทำงานจากเวิร์คพอยท์มาเยอะ ถ้าเจอกันก็ทักทายได้ไม่มีปัญหากันค่ะ ถ้าเจอนะจะทักทาย แต่ถ้าให้เดินหาก็ไม่ใช่เรา”

ส่วนกับกระแสข่าวว่า “ตั๊ก มยุรา” ออกจากการเป็นพิธีกรชิงร้อยชิงล้าน เพราะโดนบีบ เนื่องจากได้ค่าตัวเทปละ 3 หมื่นบาท แต่ในขณะที่นางเอกแต่ละคนที่มารับหน้าที่พิธีกรตอนนี้ได้เทปละ 1 หมื่นบาทนั้น เจ้าตัวเผยว่า...

“อันนี้ไม่จริงนะ 3 หมื่นนี่น้อยมากเลยนะ ตั๊กได้มากกว่านั้น ตั๊กสาบานเลย ที่ออกมาไม่ใช่เรื่องค่าตัว แต่เป็นเรื่องใจ ตั๊กคิดว่าพักหลังพี่ตาคงงานเยอะ แล้วเราไม่ได้คุยกัน ไปถามทุกคนได้เลยว่าตั๊กทำงานกับใครไม่เคยพูดเรื่องค่าตัว อย่างเจเอสแอลก็ไม่ได้พูดเรื่องค่าตัว แต่ถ้าตั๊กอยากทำ แล้วทางผู้ใหญ่เจ้าของค่ายหรือเจ้าของรายการจะต้องรู้แล้วว่าตั๊กควรจะได้ เท่าไหร่”

“กำลังใจเรามีท่วมท้น ชีวิตตอนนี้แฮปปี้มาก (ลากเสียงสูง) โลกมันสวยงาม แต่ไม่ได้หมายความว่าอยู่กับเขาแล้วไม่ดีนะ แต่แค่เราอยู่กับเขาแล้วเหมือนกับเราไม่ได้เปิดโอกาสให้ตัวเอง ก็ไม่มีใครกล้ามาติดต่อค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“เบลล์” ให้โอกาส “แบงค์” แก้ตัว รับน้อยใจเลิกเป็นเดือนกว่าจะมาง้อ

“เบลล์ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่” รีเทิร์น “แบงค์ แบล็ควนิลา” เหตุยังรักอยากให้โอกาสแก้ตัว รับน้อยใจฝ่ายชายเลิกไปเป็นเดือนกว่าจะมาง้อ ขีดเส้นตาย 3 เดือนไม่ดีขึ้นก็เลิกถาวร ป้อง “พิ้งกี้” ไม่ใช่มือที่ 3 บอกแบงค์เป็นคนไม่กล้าจีบใครและไม่เจ้าชู้
 หลังจากมีข่าว “เบลล์ มนัญญา ลิ่มเสถียร” สาวเซ็กซี่จากวงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ เลิกกับแฟนหนุ่ม “แบงค์ อธิกิตติ์” นักร้องวงแบล็ควนิลา ศิลปินค่ายเดียวกัน เพราะสาว “พิงกี้ สาวิกา” เป็นมือที่สาม ล่าสุด สาวเบลล์ได้ออกมาเคลียร์เรื่องนี้ ว่า ไม่เกี่ยวกับพิงกี้ แต่เป็นเพราะปัญหาเรื่องนิสัยส่วนตัวที่เข้ากันไม่ได้ แม้จะคบกันมา 3 ปีแล้ว โดยตอนนี้ตนได้ให้โอกาสแบงค์พิสูจน์ตัวเองใหม่ ถ้า 3 เดือนไม่ดีขึ้นก็เลิกถาวร

“ยังไม่ขนาดคืนดีค่ะ หลังจากที่ห่างๆ กันไป เขาก็มาง้อ เราก็บอกว่าได้ แต่เดือนนึงมันผ่านไปแล้ว ค่อนข้างนานค่ะ เอาจริงๆ เดือนนึงมันทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ทำไห้เรารู้สึกว่า ก็ไม่เป็นไร เราก็อยู่ได้ แต่ในเมื่อเขามาขอโอกาส ในเมื่อเขารู้สึกเขาผิดจริงๆ ก็ให้โอกาส แต่ว่าขอเว้นระยะห่างออกมาก่อน”

“ถามว่า น้อยใจไหมที่เขาง้อช้า เอาจริงๆ ช่วงแรกๆ คนเราชั่วโมงนึง ก็รู้สึกเฮ้ย..เหมือนสองชั่วโมง รอดูโทรศัพท์ตลอด แต่นี่เขาเดือนนึงเลยนะ เราก็เข้มแข็งขึ้นด้วยค่ะ แล้วมันก็น้อยใจ รู้สึกว่าตรงนั้นมันควรน้อยมากๆแต่ว่าเรารู้สึกว่าเขามาขอเราก็ให้ ที่ให้โอกาสเพราะคนเราคบกันมันก็ต้องมีความผูกพันค่ะ ยังมีเยื่อใยกันอยู่ เราก็ต้องรอให้เขาพิสูจน์ ถ้าเกิดเขาพิสูจน์ไม่ได้เราก็ต้องกลับมารักตัวเอง”

“วันที่เขามาขอโอกาสก็มาบอกว่าผิดไปแล้ว เราก็เลยพูดให้ฟังว่า ทำไมถึงมาช้าแบบรู้ตัวช้า แล้วเราก็รู้สึกว่า ถ้าเขามาหาด้วยความจริงใจ เราก็พร้อมที่จะเปิดให้เขา มันเป็นคำว่าให้เกียรติตัวเองมากกว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ เหมือนเจอมาแล้วรอบนึง มาเจออีกรอบนึงไม่เป็นไรให้อภัย รอบสามคุยกันแล้ว พอมาเจออีก เราก็รู้สึกว่าต้องให้เกียรติตัวเองบ้าง”

“ช่วงที่เขาหายไป เขาบอกว่าเขาไปคิด อยู่กับตัวเอง แล้วเขาก็รู้สึกว่าควรที่จะทำยังไงต่อไป เขาอยู่ได้จริงไหม พอกลับมาก็มีคุยโทรศัพท์กันบ้าง คุยไลน์กันบ้างประมาณ ด้วยเขาทำงานด้วย เราทำงานด้วย มันก็เลยเจอกันน้อยลง”

พร้อมเผยถึงปัญหาที่ทำให้รักสะดุดเกือบเลิกว่าเพราะเข้ากันไม่ได้ ป้อง “พิ้งกี้” ไม่ใช่มือที่สาม

“ปัญหามันเกิดจากตัวเขาและตัวเราค่ะ อาจจะใช้คำว่ามันเข้ากันไม่ได้ มันก็มีส่วน ณ ตรงนั้น คนอาจจะมองว่าเออสามปีเราใช้คำนี้ได้ยังไง แต่มันเป็นอะไรที่เราพยายามจะปรับเข้าไป เขาก็พยายามที่จะปรับ บางมุมบางทีพูดอะไรเยอะไม่ได้”

“มือที่สามไม่เกี่ยวค่ะไม่เกี่ยว เห็นว่า ก่อนหน้านี้ ห่างๆ เป็นเพราะพิ้งกี้ บอกเลยไม่เกี่ยวกับเขาเลย ฟังข่าวเราก็งงเหมือนกัน ทำไมมีเขาเข้ามาด้วย เอาจริงๆ แล้วคือเรารู้อยู่แล้วอะไรเป็นยังไง เขาก็คือทำงานและถ่ายละครด้วยกัน จริงๆ แล้วแบงค์ไม่ใช่คนเจ้าชู้นะ เท่าที่เขาแสดงออกไห้เราเห็น เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาเป็นคนค่อนข้างไม่ค่อยกล้าจีบใครด้วยซ้ำ”

“โดยรวมนิสัยเขากับนิสัยเรามันไม่ลงล็อกกันค่ะ ก็มีข้อตกลงว่าทำให้เห็นก่อนละกัน ถ้าทำไห้เห็น แล้วเรารู้สึกได้ก็ค่อยมาคุยกันอีกที คือถ้าปรับตัวได้ก็กลับไปคบกันเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ ถ้าปรับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเป็นเพื่อนกันและกัน ขอดูซัก 2-3 เดือนแล้วกัน จริงๆ เราอยากจะบอกว่าไม่ต้องทำอะไร เพราะว่ามันอยู่ที่ใจเขา ว่าเขาอยากทำอะไรให้มากกว่า”

“เบลล์ก็มีความเชื่อมั่นตัวเขาน่ะค่ะ แต่ว่าก็ถอยออกมาเยอะแล้วค่ะ ถอยเหมือนเอากำแพงมากั้น เพื่อที่จะกั้นความรู้สึกตัวเองเพื่อไม่ไห้เสียใจ ไม่โกรธ แล้วมันเหมือนกับแก้วที่มันร้าว มันต่อลำบากค่ะ ถามว่าแก้วมันร้าวไปแล้วต่อยากไหม มันขึ้นอยู่กับเขาคนเดียวเลย มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเบลล์เลยค่ะ เขาต้องทำให้เห็น ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเหยียบใส่เบรกไว้ ก่อนหน้านี้คือ 1 เดือน คือ เราถอย ค่อยๆ ถอย สองอาทิตย์ไม่มา โอเค งั้นค่อยๆ ถอยดีกว่า แต่ว่าพอ 1 เดือน เขาก็มาคุยกับเรา งั้นก็เบรกไว้ตรงนี้ แล้วก็ค่อยๆ ดูกันไป”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“ตูน” เปิดใจถอนตัว “ยังบาว” เพราะมีปัญหาเรื่องคิว รับไม่ถนัดงานแสดงแต่ทำเต็มที่แล้ว

“ตูน บอดี้สแลม” เปิดใจถอนตัว “ยังบาว” เพราะมีปัญหาเรื่องคิว จึงไม่อยากเป็นตัวถ่วง ปัดไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าตัว พร้อมอุบไม่ตอบได้ 13 ล้านจริงหรือไม่ เจ้าตัวรับไม่ถนัดงานแสดงแต่ทำเต็มที่แล้ว ปฏิเสธทีมผู้สร้างเตรียมฟ้องหลัก 10 ล้าน ยันเคลียร์กันเข้าใจดี ขอโทษทุกคนที่ทำให้ลำบาก
หลังจากที่บันเทิง “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้เปิดประเด็นข่าวนักร้องดัง “อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ออกมาประกาศถอนตัวจากภาพยนตร์ชีวประวัติของวงคาราบาว เรื่อง “ยังบาว” ที่ผลิตโดยบริษัท แกรนด์บิ๊กแบง ซึ่งตูนรับบทเป็น “แอ๊ด คาราบาว” ท่ามกลางข่าวลือว่าเป็นเพราะนักร้องหนุ่มไม่ถนัดงานแสดง ถึงขั้นมีการแก้บทให้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ ยังมีปัญหาเรื่องค่าตัวที่ทางแกรมมี่ต้นสังกัดเรียกมหาโหดถึง 13 ล้านบาท มากกว่านักแสดงทุกคนในเรื่อง ซึ่งการถอนตัวของตูนในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับทีมผู้สร้าง ถึงขั้นจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินหลัก 10 ล้านบาทเลยทีเดียว

ความคืบหน้าในส่วนของ “ตูน” หลังจากที่เก็บตัวเงียบมาตลอด ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าตัวเดินทางมาแข่งขันเทเบิลเทนนิส ชิงแชมป์ประเทศไทย ประเภทชายเดี่ยวทั่วไป ที่ ไอส์แลนด์ ฮอลล์ ชั้น 3 แฟชั่น ไอส์แลนด์ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว หนุ่มตูนก็เคลียร์ให้ฟังอย่างละเอียดว่า ปัญหาหลักคือเรื่องคิว

“เหตุผลที่ถอนตัวเป็นเรื่องคิวที่เราเองก็เยอะ เราก็เกรงใจหลายๆ คน เนื่องจากมีนักแสดงเยอะ และก็เราก็ไม่ลงตัวกับเรื่องเวลาซักเท่าไหร่ ก็เลยเห็นพ้องต้องกัน ก็ปรึกษากันทุกคนทั้งทีม รวมถึงอาแอ๊ดด้วย เราถอนตัวดีกว่า ให้เขาทำงานกันสะดวกได้สะดวกก็เลื่อนเปิดกล้องเพราะผมมาหลายทีแล้ว แล้วก็เกรงใจเขา”

“คือเรื่องค่าตัวคือไม่ใช่ประเด็นเลย เพราะว่าหนังเรื่องนี้มันเริ่มต้นจากความที่อาแอ๊ดอยากให้เราเล่น คือผมทำงานนี้เนื่องด้วยอาแอ๊ดอย่างเดียวเลย เรื่องค่าตัวเนี่ยไม่ได้พูดถึง แต่ขออนุญาตไม่บอกล่ะกันเรื่องตัวเลข เหตุผลแรกที่เรารับก็ไม่ใช่เรื่องเงิน เหตุผลที่ออกก็ไม่ใช่เรื่องเงิน”

“ส่วนที่ว่าเราไม่ถนัดทางด้านการแสดงหรือเปล่า ก็จริงๆ แล้วเราก็เต็มที่นะ ถามว่า เราถนัดมั้ย เราก็ไม่ถนัดแหละ เพราะนักแสดงมืออาชีพ แต่ว่าเราก็ไปเวิร์กชอป ก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้สมศักดิ์ศรี ของคาราบาว และเราก็ลงแรงลงใจเต็มที่และก็อยากทำให้มันออกมาดูดี แต่ว่าสุดท้ายก็เป็นปัญหาที่ผมบอกไป มันจัดสรรไม่ลงตัว แล้วก้อนใหญ่เค้าก็จะเสีย เพราะเราคนเดียว เราเกรงใจ เพราะเราไม่ใช่เจ้าของโปรเจกต์ด้วย”

“เราต้องกราบขอโทษแฟนๆ คาราบาว (ยกมือไหว้) กราบขอโทษพี่ๆ คาราบาว กราบขอโทษทีมงานทุกคนที่เราทำให้ทุกคนลำบาก และก็แฟนๆ คาราบาว แฟนๆ บอดี้สแลม ผมขอโทษผ่านทางสื่อเลยละกัน ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนยุ่งยาก เพราะเราคนเดียว แล้วเราเกรงใจ เราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลน่ะครับ เราไม่อยากเป็นอย่างนั้น”

ปฏิเสธทีมผู้สร้างเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินหลัก 10 ล้าน

“ไม่ครับ ไม่มีๆ คุยกันดีครับ คุยกันเรียบร้อยดี”

เผยคุยกับ “แอ๊ด คาราบาว” แล้ว

“คุยแล้วครับ คุยเป็นคนแรกเลยครับ ผมต้องขอบคุณเขามากเลย ขอบคุณที่ให้เกียรติ มาเป็นตัวเขาในหนังเรื่องนี้ แต่ว่าเราก็ทำเต็มที่แล้ว เราก็ไปทุกอย่างแล้ว แต่เนื่องด้วยปัญหาตรงนี้จริงๆ เราต้องกราบขอโทษคุณอาด้วย จริงๆ ส่วนตัวได้คุยกันแล้วล่ะ เค้าก็เข้าใจดี ครับ ก็คงมีตัวแสดงแทน โปรเจกต์ก็ยังคงรันต่อไป”

“ส่วนตัวเสียดายนะ เสียดายๆ เพราะว่าเราอยู่ในโปรเจกต์ที่ดี อยู่ในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่เป็นประวัติศาสตร์ของเมืองไทยวงคาราบาว แล้วเราได้โอกาสนี้มา แต่เราไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ เราเสียดาย และเราก็ต้องกราบขอโทษ ขอโทษแฟนๆ หรือใครก็ตามที่ให้กำลังใจมาและก็คาดหวังว่าจะได้ชมผมเล่น แต่ว่าก็ขอโทษจริงๆ ครับ”

ยันการที่ “อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร” ถอนตัวจากการเป็นผู้กำกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ไม่เกี่ยวเพราะตนไม่เล่น

“ไม่เกี่ยวหรอกครับ เราก็ทำหน้าที่ของเราตามกรอบความรับผิดชอบของเรา ที่เราได้รับในฐานะนักแสดง เราก็ทำเต็มที่ของเรา ปัญหาในส่วนของใครเข้าใครออกมันก็เป็นเรื่องของกระบวนการทำงานอยู่แล้ว เราก็ดูแลแค่กรอบของเรา เราได้ทราบว่าพี่อุ๋ยกำกับ เรารู้ทุกความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว เพราะเราอยู่ในกระบวนการ”

ทั้งนี้ เจ้าตัวยังได้เผยถึงผลการแข่งขันในรายการนี้ที่แพ้คู่แข่งไป 1 ต่อ 3 เซต ด้วยว่า…

“วันนี้เป็นรายการชิงแชมป์ประเทศไทยประจำปีนี้ครับ ปีที่แล้วเป็นครั้งแรกที่ผมมาแข่ง ปีนี้ก็เป็นครั้งที่สอง ก็ยังตื่นเต้นอยู่ คือเราซ้อมก็โอเคขึ้นนะ แต่ว่าพอลงสนามมันตื่นเต้น มันแบบไม่เหมือนตอนที่อยู่ในยิมซ้อมปกติ เราก็สั่น ลูกง่ายๆ ก็ทำไม่ได้ ก็เสียดายเหมือนกัน แต่พี่คนนั้น (คู่แข่งเขา) ก็เก่งมากครับ”

“เรื่องซ้อมเราก็เล่นมาตลอด ตั้งแต่ปีที่แล้วที่กลับมาเล่น ก็หายไปบ้าง ถ้าช่วงที่งานหนักๆ ช่วงนี้ก็เพิ่งกลับมาประมาณ 2 อาทิตย์ ให้คะแนน 5 เต็ม 10 มันแบบทำได้ไม่ดีครับ ไม่พอใจตัวเองที่ไม่หายตื่นเต้นซักที นี่ยังสั่นอยู่เลยครับ เราแบบขี้ประหม่า ขี้ตื่นเต้น ครั้งต่อไปมีแข่งประเภทผสม ชายคู่ วันจันทร์กับอังคารนี้ คู่ผสม เขารำคาญเรา เพราะว่าเราก็ตีเสียเองเยอะ”

“ช่วงนี้ก็ทำเพลงไปด้วยเลย ก็ทำหลายอย่างในครั้งเดียว ก็หนักอยู่เหมือนกัน แต่ก็สนุกดีครับ อัลบั้มใหม่ปีหน้าละกันครับ ก็อยู่ในช่วงแต่งเพลง อยู่ในกระบวนการแหละครับ เพิ่งเริ่มต้น จริงๆ เราแต่งเพลงไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เหลือเวลาแค่เอามารวมกัน จริงจังกับมัน”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
 
Support : ดูหนังออนไลน์ | ฟังเพลงออนไลน์
Copyright © 2011. DooNung-D - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger